เฟซบุ๊กออสเตรเลีย เตรียมเปิดให้บริการอ่านข่าวอีกครั้ง หลังจากที่เฟซบุ๊กและรัฐบาลสามารถหาข้อตกลงปมความขัดแย้ง กฎหมายฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทางการออสเตรเลียได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีข้อพิพาทระหว่างทางรัฐบาลและเฟซบุ๊ก หลังจากที่ทางการออกกฎให้ทางเฟซบุ๊กและกูเกิ้ลต้องจ่ายเงินให้กับสำนักข่าว จนนำไปสู่การปิดหน้าข่าวบนเฟซบุ๊กของประเทศออสเตรเลีย
โดยทางการระบุว่า หน้าข่าวในเฟซบุ๊กออสเตรเลียจะกลับมาในเร็วๆนี้ ซึ่งทางการเล็งแก้ไขกฎหมายข้อดังกล่าวในเร็ววัน
ด้านเฟซบุ๊กได้ออกมาสัมภาษณ์เช่นเดียวกันว่า การหารือครั้งล่าสุดกับทางรัฐบาลทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจมากขึ้น ซึ่งพวกเขากล่าวว่าในอนาคตทางเฟซบุ๊กจะสามารถเลือกได้ว่าแหล่งข่าวที่ปรากฏบนเว็บมีที่มาจากที่ใดบ้าง
เฟซบุ๊กออสเตรเลียยืนยันว่าพวกเขาจะเลือกสื่อท้องถิ่นหรือสื่อขนาดเล็ก เพื่อเป็นการสนับสนุนพวกเขาด้วย ก่อนหน้านี้ ทางการออสเตรเลียอนุมัติกฏหมายบังคับให้ผู้ให้บริการเว็บไซต์ยักษ์ใหญ่อย่าง กูเกิ้ล หรือ เฟซบุ๊ก ให้จ่ายรายได้ส่วนหนึ่งให้กับเว็บไซต์ข่าว เพื่อเป็นการช่วยเหลือสื่อสารมวลชน หลังรายได้ลดลงร้อยละ 75 ตั้งแต่ช่วงปี 2548
ซึ่งทางรัฐบาลออสเตรเลียมองว่าผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ ใช้เว็บไซต์เพื่ออ่านข่าว จึงให้เว็บไซต์จ่ายเงินให้กับสื่อสำนักต่างๆ ทั้งนี้ด้านเฟซบุ๊กและกูเกิล ได้ออกมาค้านกฎหมายฉบับดังกล่าว และชี้ว่าเป็นการลงโทษพวกเขาอย่างไม่เป็นธรรม
เกิดเหตุสลดในประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อ เด็ก วัยเพียง 2 ขวบ หยิบช้อนที่แม่วางทิ้งไว้แหย่ปลั๊ก ก่อนจะโดน ไฟช็อต เสียชีวิต เด็ก ไฟช็อต – เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา เกิดเหตุสลดในเมืองเกซอน ซิตี ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อมีเด็กชายวัยเพียง 2 ขวบ ชื่อ เจค อันการา หยิบช้อนคนนมที่ อิโลอิซา อาเคย์ อันการา แม่วางทิ้งไว้ มาแหย่ปลั๊ก แล้วโดนไฟช็อตจนเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหนูเพิ่งฉลองวันเกิดไปเพียง 12 วันก่อนหน้า
อิโลอิซา เผยกับ GMA News ว่าเธอวางช้อนไว้พ้นมือลูกแล้ว “ตอนที่กำลังจะเปิดประตู ฉันได้ยินเสียงบางอย่างระเบิด ฉันกังวลใจเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าคงเป็นเสียงอะไรบางอย่างหล่นลงมา จนกระทั่งสามีของฉันกรีดร้องออกมา และพูดว่าเจคนอนนิ่งอยู่ที่พื้น”
หลังเกิดเหตุ เธอพาลูกน้อยส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตของเด็กชายไว้ได้ ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัวและคนรอบข้าง ซึ่งร่างของเจคจะถูกฝังในวันที่ 23 ก.พ. นี้
โจ ไบเดน ปธน. สหรัฐฯ ออกมาร่วมไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตหลังจากที่ ยอดตายโควิด ใน สหรัฐฯ ขณะนี้ทะลุ 5 แสนรายแล้ว เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว BBC รายงานว่า นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ออกแถลง หลังจากที่มีรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดในประเทศสหรัฐฯ นั้นทะลุห้าแสนรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากที่สุดในโลกในขณะนี้
ผู้นำสหรัฐฯได้กล่าวว่า พวกเราชาวอเมริกันไม่ควรจะยอมรับกับชะตากรรมอันโหดร้ายนี้ และพวกเราควรจะต่อสู้ไม่ให้ชินชาไปกับความเศร้าโศก โดยนายไบเดน ยังกล่าวว่าเขาอยากจะให้ประชาชนทุกคนร่วมกันจดจำผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
ซึ่งนายไบเดนและภริยา ยังได้ร่วมพิธีจุดเทียนเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิต โดยในช่วง 5 วันถัดจากนี้ อาคารของรัฐจะลดธงชาติลงจากเสาครึ่งนึง เพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิต
WHO เป็นงง! ผู้นำ แทนซาเนีย บอก สวดมนต์ไล่โควิด ได้
WHO ออกมากดดันให้ ประเทศ แทนซาเนีย เร่งหามาตรการป้องกันโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผู้นำออกมาบอกว่า สวดมนต์ไล่โควิด ได้ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว AFP ได้รายงานว่า นายเทโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกมาแถลงขอให้นาย จอห์น มากุฟูลี ประธานาธิบดีแทนซาเนีย คิดมาตรการรับมือกับโควิดอย่างจริงจัง
หลังจากที่นาย มากุฟูลี ออกมาอ้างว่าโควิดได้ถูกปัดเป่าจากแรงอธิษฐานของประชาชนอย่างประเทศ ซึ่งผู้นำแทนซาเนียได้ปฏิเสธถึงความร้ายแรงของเชื้อไวรัสชนิดดังกล่าวมาตลอด จนกระทั้งเมื่อเร็วๆมานี้ที่นาย มากุฟูลียอมรับว่าสถานการณ์เลวร้ายขึ้น และมีสมาชิกอย่างน้อยสองศพที่เสียชีวิตจากอาการปอดบวม
ซึ่ง ผอ.องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ชาวแทนซาเนียเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงและประเทศอื่นๆ มีผลการตรวจหาไวรัสโคโรนาเป็นบวก และเรียกร้องมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมแล้วให้แทนซาเนียใช้มาตรการยับยั้งการระบาดใหญ่และเตรียมฉีดวัคซีน
นาย เกเบเรซุส ยังกล่าวว่าจากการค้นพบผู้ติดเชื้อในประชาชนกลุ่มดังกล่าวเป็นการตอกย้ำว่า ทางการควรจะใช้มาตรการอยากเข้มงวด เพื่อป้องกันการประชาชนและประเทศจากโควิดต่อไป อย่างไรก็ตามทางองค์การอนามัยโลกไม่ได้พูดคุยกับแทนซาเนียอีกเลยตั้งแต่ช่วยปลายเดือนมกราคม
ขณะนี้ยอดผู้ป่วยสะสมในแทนซาเนียอยู่ที่ 509 ราย อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวนี้ได้รับการเปิดเผยครั้งสุดล้ายเมื่อช่วงเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา
เนื่องจากประชาชนในนครเซี่ยงไฮ้เพิ่งได้รับคำสั่งยกเลิกล็อกดาวน์ หลังจากที่พวกเขาต้องถูกสั่งให้อยู่ในเคหสถานนานหลายเดือน เนื่องจากมาตรการโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งต่างกับหลายประเทศที่ใช้นโยบายอยู่กับโรคโควิด-19
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น